cover-image

สัญญาณเตือนใดบ้างที่บ่งบอกว่าถึงเวลาตรวจระบบไฟฟ้าแล้ว?

สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าถึงเวลาตรวจระบบไฟฟ้าแล้วมีหลายประการที่สำคัญ ซึ่งควรให้ความสนใจเป็นพิเศษเพื่อความปลอดภัยของอาคารและผู้ใช้งาน โดยสัญญาณเตือนเหล่านี้รวมถึง: 1. ไฟกะพริบหรือไฟตกบ่อย: หากไฟในบ้านหรืออาคารกะพริบหรือหรี่เป็นระยะๆ อาจบ่งบอกถึงความไม่เสถียรของระบบไฟฟ้าหรือปัญหาที่สายไฟ การตรวจสอบระบบไฟฟ้าจะช่วยหาสาเหตุที่แท้จริงและป้องกันอุบัติเหตุในอนาคต 2. เบรกเกอร์ตัดไฟบ่อยผิดปกติ: หากเบรกเกอร์ตัดไฟถี่กว่าปกติ แสดงว่ามีโหลดไฟฟ้าเกินหรือมีการลัดวงจรในระบบ นี่คือสัญญาณที่ชัดเจนว่าควรเรียกผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบระบบไฟฟ้าโดยด่วน 3. ปลั๊กไฟร้อนผิดปกติหรือมีเสียงดัง: หากปลั๊กไฟหรือเต้ารับมีอุณหภูมิสูงเกินไปหรือมีเสียง "ซ่า" เมื่อเสียบอุปกรณ์ อาจเกิดความร้อนสะสมในจุดเชื่อมต่อซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้ 4. ได้กลิ่นไหม้หรือกลิ่นแปลกจากอุปกรณ์ไฟฟ้า: การได้กลิ่นไหม้หรือกลิ่นพลาสติกที่ไหม้เป็นสัญญาณที่ไม่ควรเพิกเฉย เพราะอาจเกิดจากฉนวนสายไฟที่เริ่มเสื่อมสภาพ ควรตรวจระบบไฟฟ้าอย่างละเอียดทันที 5. หลอดไฟขาดหรือเสียบ่อย: หากหลอดไฟขาดหรือเสียบ่อย อาจเกิดจากแรงดันไฟฟ้าที่ไม่คงที่ในระบบ ซึ่งต้องทำการตรวจสอบเพิ่มเติม 6. อุปกรณ์ไฟฟ้าทำงานผิดปกติ: เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพหรือเปิด-ปิดเอง อาจมีสาเหตุจากแรงดันไฟไม่เสถียรหรือคลื่นไฟฟ้ารบกวน 7. สายไฟเก่า แตก หรือลอกฉนวน: สายไฟที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 10 ปี หรือมีสภาพลอก แตก ควรได้รับการตรวจระบบไฟฟ้าเพื่อประเมินสภาพความพร้อมของระบบ การตรวจสอบระบบไฟฟ้าเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่ควรมองข้าม เพราะช่วยลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง เช่น ไฟฟ้าลัดวงจรหรือไฟไหม้ และยังช่วยยืดอายุของอุปกรณ์ภายในอาคารอีกด้วย ดังนั้น หากพบสัญญาณเตือนเหล่านี้ ควรดำเนินการตรวจสอบระบบไฟฟ้าโดยด่วนเพื่อความปลอดภัยของทุกคนในอาคาร

เรียนรู้เพิ่มเติม